ปัจจุบันสังคมผลิตขยะพิษชนิดต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นขยะอันตรายจากสารเคมีที่มีพิษ ขยะ ‘อิเล็กทรอนิกส์’ หรือขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาล ขยะเหล่านี้ย่อยสลายได้ยากมาก และหากกำจัดไม่ถูกวิธีก็จะสร้างปัญหาต่อสุขภาพของคนในชุมชนและสิ่งแวดล้อมในที่สุด
ภาพของปริมาณขยะที่กองล้นเมืองกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศ คงไม่ต้องกังวลมากนักหากขยะเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ทั้งหมด โดยไม่สร้างปัญหาลูกโซ่ตามมา แต่ในความเป็นจริงนอกจากมีขยะอันตรายและมลพิษที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรม ของเสียจากภาคเกษตรกรรมไม่ว่าจะเป็นสารเคมี ยากำจัดศัตรูพืช ของเสียจากสถานประกอบการและบ้านเรือน ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่เก่า น้ำมันหล่อลื่นและยางรถยนต์ ยังมีขยะจากสถานพยาบาลที่เปื้อนเลือด หรือของเหลวอื่นจากผู้ป่วยปะปนอยู่ ถ้ากำจัดด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม ‘ขยะติดเชื้อ’ เหล่านี้จะสร้างปัญหาต่อสุขภาพของคนในชุมชนและสิ่งแวดล้อม
เช่นเดียวกับเครื่องมือเครื่องใช้ทันสมัยอย่างคอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่หมดอายุการใช้งานและกลายสภาพเป็น ‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ ซึ่งนับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นไล่ตามการพัฒนาอุตสาหกรรมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างกระชั้นชิด แต่กลับหนีห่างกระบวนการจัดการซากอิเล็กทรอนิกส์ที่เหมาะสมออกไปทุกที ขยะอันตราย ขยะติดเชื้อและขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ และควรเร่งสร้างความร่วมมือทุกรูปแบบในการกำจัดของเสียอันตรายให้ถูกหลัก ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับรุนแรงส่งกระทบต่อสุขภาพคนไทยในอนาคต
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษทำให้ทราบว่า ในปี พ.ศ.2546 ขยะอันตรายทั่วประเทศไทยมีปริมาณสูงถึง 1 ล้าน 8 แสนตัน โดยแยกเป็นของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรม 1 ล้าน 4 แสนตัน เป็นของเสียอันตรายจากชุมชน 4 แสนตัน รวมขยะมูลฝอยติดเชื้ออีก 22,500 ตัน
พูดง่ายๆ ก็คือ คนไทยช่วยกันผลิตขยะอันตรายประมาณวันละ 5 พันตันพฤติกรรมทิ้งขยะโดยไม่แยกประเภทของคนส่วนใหญ่ทำให้ขยะอันตรายปะปนกับขยะทั่วไป เมื่อกองรวมกันจะกลายเป็นภูเขาขยะที่มีทั้งเชื้อโรคและสารเคมีอันตรายซ่อนอยู่ การจัดการและกำจัดที่ไม่ถูกต้องเปิดโอกาสให้มันซึมลงดิน ไหลลงแหล่งน้ำปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม เข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร