แม้ประเทศไทยจะเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ ที่อนุญาตให้นำ˝ˇกัญชาและกระท่อมไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และรักษาโรค แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น กระแสปลดล็อกกัญชาถูกโหมขึ้นอย่างหนักในช่วงการเลือกตั้ง ปี 2562 พรรคการเมืองบางพรรคได้ชู “นโยบายกัญชาเสรี” โดยผลักดันให้พืชกัญชาสามารถปลูกได้อย่างเสรีทั่วทุกบ้าน แต่การควบคุมกัญชาไม่ให้เอามาใช้ในทางเสพติด เป็นสิ่งสำ˝ˇคัญที่ต้องมีมาตรการควบคุม ควบคู่ไปกับการอนุญาตใช้พืชกัญชาทางการแพทย์อย่างมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวัวหายล้อมคอกในภายหลัง
ปัจจุบันกัญชาเป็นพืชที่เป็นที่ยอมรับกันว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์ ในสหราชอาณาจักรมีการนำกัญชามาสกัดเพื่อใช้ในการรักษาโรคปลอกประสาทแข็ง จนเป็นที่ยอมรับให้ใช้ทางการแพทย์ใน 24 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ออสเตรียเนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สเปน ฯลฯ นอกจากนี้ก็ยังมีการนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในการบำบัดรักษาอาการจิตเวชและระบบประสาท (Neuropsychiatric symptoms) การรักษาอาการไม่อยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น บางประเทศจึงยอมให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ 1เช่น แคนาดา อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และบางรัฐในสหรัฐอเมริกา และมีอีกหลายประเทศที่ยอมรับให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ บทความนี้เป็นการสรุปและอภิปรายถึงพัฒนาการของนโยบายกัญชาเสรีในไทย ประกอบด้วยการนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติ การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การขับเคลื่อนเรื่องกัญชาของกลุ่มต่างๆ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากนโยบายกัญชาเสรี
กัญชาเสรีจากป้ายหาเสียงสู่นโยบายรัฐบาล
สำหรับนโยบายกัญชาเสรี เป็น 1 ใน 6 นโยบายเร่งด่วน 2ของพรรคภูมิใจไทย ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ภายหลังมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายอนุญาตให้ร้านค้าปลีกสามารถขายกัญชาเพื่อการนันทนาการแก่ผู้ซื้อที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปได้ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การออกกฎหมายฉบับดังกล่าวทำให้มลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นตลาดกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าของธุรกิจกัญชาไม่น้อยกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4 แสน 9 หมื่น 5 พันล้านบาท สร้างรายได้เป็นภาษีให้แก่มลรัฐแคลิฟอร์เนียปีละไม่น้อยกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท มีการอนุญาตให้ประชาชนของมลรัฐแคลิฟอร์เนียสามารถปลูกกัญชาไว้ในบ้านได้ครอบครัวละไม่เกิน 6 ต้น โดยรัฐเก็บค่าธรรมเนียมปลูกต้นละ 1 ดอลลาร์ หรือ 30 บาทต่อปี เพื่อให้ประชาชนใช้ในการพักผ่อน หรือใช้ผสม อาหารไว้รับประทาน และอนุญาตให้ผสมกัญชาในผลิตภัณฑ์ หลายชนิดและนำออกวางจัดจำหน่ายในตลาด เป็นการสร้าง รายได้ให้กับประชาชน แต่กฎหมายก็ควบคุมปริมาณการใช้ ไม่ให้เกิน 8 กรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค จึงอยากให้ประเทศไทย ออกกฎหมายแบบมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เพราะกัญชาใช้ประโยชน์ ในการทำยาเพื่อการรักษาทางการแพทย์ เช่น รักษาอาการ เบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ ลดอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วย โรคมะเร็ง รักษาโรคหัวใจ ใช้เพื่อการสันทนาการ ซึ่งพรรค ภูมิใจไทยเชื่อมั่นว่า กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ ให้กับเกษตรกรทุกครอบครัว เพราะกัญชา 1 ต้น สามารถ ออกดอกได้น้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม ขายในประเทศอเมริกา กิโลกรัมละ 7 หมื่นบาท พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกกัญชาได้ประมาณ 6,400 ต้น ถ้าเอา 7 หมื่นบาท คูณ 6,400 ต้น จะได้เงินสูงถึง 448 ล้านบาทต่อไร่ ภายหลังการเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าร่วมรัฐบาล จึงได้ผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่นโยบายของรัฐบาล