ท่ามกลางกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เราไม่สามารถปฏิเสธความต้องการให้เกิดความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจได้ อุตสาหกรรม เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะสามารถกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน เกิดการผลิตในด้านต่าง ๆ รวมถึงก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในการสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตามมาจากการเจริญเติบโตทางทางด้านอุตสาหกรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณกากของเสีย น้ำเสีย ขยะมูลฝอย รวมถึงมลพิษทางอากาศ
สำหรับประเทศไทยแนวโน้มในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มขึ้น พร้อมกับพบการเพิ่มขึ้นของกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมอย่างมาก โดยจังหวัดที่มีปริมาณกากของเสียอันตรายสูงสุด เป็นจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ในปี 2563 ที่ผ่านมาพบว่า จังหวัดที่มีปริมาณกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จังหวัดระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา หากพิจารณาเพียงแค่เดือนเดียวก็พบว่าปริมาณกากของเสียรวมของประเทศมีสูงถึงกว่า 6 แสนตัน แม้ในจำนวนนี้จะรวมกากของเสียไม่อันตรายอยู่ด้วยก็ตามแต่ก็คงหนีไม่พ้นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ดี
ที่มา: รายงานปริมาณกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมออกนอกบริเวณโรงงาน ปี 2563, กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ที่มา: รายงานปริมาณกากของเสียอันตรายจากอุตสาหกรรมออกนอกบริเวณโรงงาน ปี 2563, กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และกระสแความต้องการการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นประเด็นการจัดการกากของเสียอันตรายเหล่านี้ เป็นประเด็นที่ท้าทายความสามารถของทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหารท้องถิ่น ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารจัดการ ภาคประชาชนและชุมชนเองคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการ เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น การดำเนินงานควรต้องบูรณาการร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
สำหรับข้อมูลสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ ต่อสุขภาพของคนในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทย รอติดตามได้ใน “ตัวชี้วัดสุขภาพพื้นที่” ในรายงานสุขภาพคนไทย 2564 ซึ่งจะออกเร็ว ๆ นี้