ใกล้ตรุษจีนกันแล้ว อาหมวยอาตี๋ทั้งหลายคงเริ่มเตรียมตัวเดินทางไปรวมญาติ shopping ชุดสีแดงสดใส หาซื้อซองอั่งเป่าลายสวยๆ เพื่อเตรียมรับและแจกโชคลาภ สอนลูกหลานท่อง “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ 新正如意, 新年发财” เอาไว้ รวมถึงจัดหาของขวัญไปไหว้อากงอาม่าญาติผู้ใหญ่ในตระกูล
ในงานนี้ โดยเฉพาะบนโต๊ะอาหาร ญาติผู้ใหญ่คงมีเรื่องเม้าท์มากมาย หลังไม่ได้เจอกันมานาน topic หนึ่งในนั้นน่าจะมีเรื่อง “สุขภาพ”เหมือนปีที่ผ่านๆมา เพราะญาติผู้ใหญ่ของพวกเราล้วนกังวลถึงความเป็นอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต เพื่อไม่ให้ตก trend คุยกับญาติผู้ใหญ่รู้เรื่อง รายงานสุขภาพคนไทยจะมาเล่าถึงสถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศไทย และนโยบายระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันให้ฟังกัน!
ตั้งแต่ปี 2548 ประเทศไทยได้กลายเป็นสังคมสูงอายุแล้ว ในปี 2565 ประเทศไทยเข้าสู่ “สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์” (complete aged society) แล้ว โดยมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปี กว่า 12.9 ล้านคน หรือ 20% จากประชากรทั้งหมด1 และมีการคาดประมาณว่าในอีกไม่เกิน 15 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” (super aged society) เมื่อสัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีสูงถึง 28% ของประชากรทั้งหมด2
ประเทศไทยมีการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2525 โดยเริ่มต้นจากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525-2544) จากนั้นมีการจัดทำแผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติที่กำหนดทิศทางการพัฒนาและดำเนินงานผู้สูงอายุในภาพรวม3 ณ ขณะนี้ประเทศไทยใช้แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545-2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563
นอกเหนือจากนโยบายข้างต้น ประเทศไทยยังมีนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ได้แก่ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมผู้สูงอายุให้สามารถพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ เป็นต้น
ล่าสุด ในเดือนพฤษภาคม 2565 มีเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้สูงอายุเกิดขึ้น คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “ร่างพัฒนาประชากรเพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว ปี 2565-2580” กรอบแนวทางการพัฒนาประชากรของแผนฯ นี้ โดยรวมวางโครงสร้างพัฒนาประชากรไทยในทุกช่วงวัยด้วยแนวคิด “เกิดดี อยู่ดี กินดี” ให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การเกิดอย่างมีคุณภาพ การอยู่อย่างมีคุณภาพและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ การแก่และการตายอย่างมีคุณภาพ
ร่างแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว ปี 2565-2580 นั้น ให้ความสำคัญกับการ “สูงวัย” ของประชากรที่เชื่อมโยงไปสู่สังคมสูงวัย (ageing society) อย่างรอบด้าน ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
โดยแบ่งลำดับความสำคัญในการดำเนินการเป็น 2 ระยะคือ
ร่างแผนพัฒนาประชากรเพื่อพัฒนาประเทศระยะยาวจะส่งผลต่อผู้สูงอายุและประเทศไทยอย่างไร สามารถติดตามได้ที่หนังสือสุขภาพคนไทย 2566 ที่จะออกเดือน เม.ย. 2566 โดยติดต่อขอรับหนังสือได้ที่ thaihealthipsr@gmail.com หรือติดตามเพื่อ Download ฉบับ E-Book ได้ที่ https://www.thaihealthreport.com/th/index.php
อ้างอิง