ในปี 2564 ประเทศไทย มีขยะมูลฝอยประมาณ 24.98 ล้านตัน ในจำนวนนี้ 6.23 ล้านตัน หรือราวร้อยละ 25 มีการกำจัดที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน เช่น กลิ่นเหม็น น้ำเสียจากขยะปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำผิวดิน แหล่งน้ำใต้ดิน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค เกิดมลพิษทางอากาศ1
การดำเนินงานด้านการจัดของเสียชุมชนได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่พร้อมใจกันประกาศนโยบายลดใช้ถุงพลาสติก โดยกลุ่มเซ็นทรัลและธุรกิจในเครือตั้งเป้าหมายลดการใช้ถุงพลาสติก 150 ล้านใบในปี 2562 แฟมิลี่มาร์ท รณรงค์ให้ลูกค้าปฏิเสธรับถุงพลาสติก เทสโก้ โลตัส ประกาศเลิกใช้บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารที่ทำจากโฟม ทุกชนิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นมาทำให้สามารถลดการใช้โฟมลงได้ 51 ตันต่อปี เซเว่น อีเลฟเว่นมีโครงการ “ลดวันละถุง..คุณทำได้” ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อเนื่องจากโครงการ “คิดถุง” ที่จูงใจลูกค้าให้ปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติกด้วยการเปลี่ยนเป็นเงิน 20 สตางค์ต่อถุงนำไปสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลต่างๆ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด รณรงค์ให้ลูกค้านำถุงผ้ามาเอง หากจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกจะต้องจ่ายในราคาถุงละ 1 บาทเพื่อนำไปสนับสนุนงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การณรงค์ของอุตสาหกรรมค้าปลีกเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อการปรับพฤติกรรมของประชาชนให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และลดปริมาณขยะซึ่งปัจจุบันคนไทยสร้างขยะเฉลี่ยคนละ 1.15 กิโลกรัมต่อคน หรือราว 27.82 ล้านตันต่อปี ใช้ถุงพลาสติกหิ้วราว 45,000 ล้านในต่อปี บรรจุภัณฑ์โฟมราว 6,7000 ล้านชิ้นต่อปี แก้วและขวดพลาสติกราว 9,750 ล้านใบต่อปี2
นอกจากการดำเนินงานของภาคเอกชนแล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเทศไทยจัดให้มีโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER) และได้รับการขึ้นทะเบียนกับคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการและกิจกรรมก๊าซเรือนกระจก อบก. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 ซึ่งโครงการดังกล่าวครอบคลุม 36,644,309 ครัวเรือน โรงเรียน 1,701 แห่งและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 18,935 แห่งที่อยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีเป้าหมายดำเนินการไปถึงระดับการซื้อขายคาร์บอนเครดิต3
รวมทั้งโมเดล “ขยะสร้างสุข” ซึ่งริเริ่มโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งเป็นโมเดลการจัดการขยะอย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่การจัดถัง คัดแยกขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์ และขยะอันตราย ชั่งน้ำหนักและบันทึกขยะแต่ละประเภท โดยขยะรีไซเคิลส่งต่อไปยังชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ส่วนขยะอินทรีย์นำเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายเพื่อทำเป็นปุ๋ยหมักและแก๊สชีวภาพ ซึ่งโมเดลนี้ได้รับการรับรองจาก The US Green Building Council (USGCB) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับรองให้อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะเป็นอาคารประหยัดพลังงานในระดับแพลทินัม (Platinum)4
ในระดับท้องถิ่น จังหวัดขอนแก่นนับเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาขยะในพื้นที่เขตเมือง จนกระทั่งติดโพลอาเซียนจังหวัดสะอาด-เมืองน่าเที่ยว โดยดำเนินงานต่อยอดขยายพื้นที่เมืองไร้ขยะในกรุงเทพฯ ภายใน 2565 มุ่งขับเคลื่อนไทยสู่สังคม Zero Waste ขณะที่ในกรุงเทพมมหานคร มีการดำเนินการจัดการขยะที่ต้นทางตามนโยบายผู้ว่าฯ ประกอบด้วย 1) การจัดการขยะครบวงจรตามโครงการ “ไม่เทรวม” ซึ่งในปี 2565 มีการนำร่องในพื้นที่ 3 เขต ได้แก่ เขตหนองแขม เขตปทุมวัน และเขตพญาไท ระยะเวลาในการดำเนินการระหว่างเดือนสิงหาคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 (8 เดือน) โดยขอความร่วมมือประชาชนแยกขยะออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ขยะเศษอาหาร” และ “ขยะทั่วไป” สำนักงานเขตได้ดำเนินการส่งเสริมชุมชนและองค์กรต่างๆ ในพื้นที่เขตคัดแยกขยะและนำไปใช้ประโยชน์ ตั้งจุดรับมูลฝอยรีไซเคิลในสถานที่ราชการและเอกชน เช่น สำนักงานเขต สถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
ผลการดำเนินการจัดเก็บขยะอินทรีย์หรือขยะเศษอาหาร เขตหนองแขมสามารถเก็บได้ 9,060 กิโลกรัม เขตปทุมวัน เก็บได้ 17,073 กิโลกรัม เขตพญาไท เก็บได้ 15,724 กิโลกรัม (ข้อมูลน้ำหนักขยะอินทรีย์ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2565) ปัจจุบันได้ขยายการรับขยะอินทรีย์ โดยให้ประชาชนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการผ่านทางแอปพลิเคชันทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) 2) มีการพัฒนาระบบทิ้งขยะเพื่อปรับสภาพแวดล้อมบนทางเท้าด้วย “กรงตาข่าย” 3) มีจุด Drop Off ตามนโยบายส่งขยะกลับคืนสู่ระบบ ซึ่งกรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายสังคมลดขยะ Less Plastic Thailand สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) กลุ่ม PPP Plastics โครงการสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) You เทิร์น by PTTGC และ Z-Safe ดำเนินการโครงการ “มือวิเศษกรุงเทพ” และ 4) มีการเตรียมแผนการจัดการขยะภายในงานกาชาดประจำปี 2565 อีกด้วย5
อ้างอิง