บทความสั้น
ข้อกังวล: ในวันที่กัญชา กัญชง เปิดเสรี
Home / บทความสั้น

ทีมวิชาการสถานการณ์เด่นทางสุขภาพ
สถานการณ์เด่น | กรกฎาคม 2565

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นับว่าเป็นวันแรกที่กฎหมาย "ปลดล็อก" กัญชง กัญชา ถูกถอดออกจากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ทำให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก ทำให้ประชาชนสามารถปลูกพืชนี้ได้ในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ ส่วนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง และยาสมุนไพรนั้น ยังคงต้องมีการขออนุญาตก่อน

กัญชา กัญชง ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางตำรับยาสมุนไพรไทย ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ทำคู่มือชุดความรู้สุขภาพ “กัญชาทางการแพทย์แผนไทย” ฉบับ e-Book เผยแพร่ โดยได้รวบรวมข้อมูลทั้งวิธีใช้ ข้อควรระวัง กฎหมาย และการขออนุญาตของการใช้กัญชาและกัญชง ตำรับยาสมุนไพรจากกัญชาและกัญชง และเมนูอาหารจากกัญชาและกัญชงอีกด้วย

ซึ่งหลังจากที่ได้มีการปลดล็อค ก็พบว่ามีการนำกัญชา กัญชงมาใช้ประโยชน์เช่นใส่ในอาหาร ขนม เครื่องดื่ม เช่น แกงหน่อไม้กัญชา ยำกัญชากรอบ น้ำกัญชาสด ชานมไข่มุกกัญชา คุกกี้กัญชา

จะว่าไปแล้ว ประโยชน์ของกัญชา กัญชงก็มีมากมาย ... แล้วทำไม ต้องกังวล?

หลังจากที่กฎหมายได้ "ปลดล็อก" กัญชง กัญชา ก็พบข่าวมีผู้ป่วยจากกัญชารายวัน อย่างในเด็ก1 เช่น

  1. เด็กชาย อายุ 4 ปี 6 เดือน - ได้รับกัญชาโดยไม่รู้ตัว ดื่มชากัญชาที่บุคคลในครอบครัวต้มและแช่ไว้ในตู้เย็น ทำให้เซื่องซึม อาเจียน นอนหลับนานกว่าปกติ
  2. เด็กหญิง อายุ 11 ปี - ได้รับกัญชาโดยไม่รู้ตัวจากรุ่นพี่ชั้น ป.6 ที่ชวนรับประทาน เกิดอาการง่วง ซึม สั่น เดินเซ พูดไม่ชัด คลื่นไส้ อาเจียน ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 3 วัน
  3. เด็กชาย อายุ 14 ปี - สูบกัญชาเพื่อสันทนาการ มีอาการสับสน กระวนกระวาย และมีอาการชัก
  4. เด็กชาย อายุ 14 ปี - นำดอกกัญชาจากเพื่อนมาสูบจากบ้องกัญชาและมวนบุหรี่ ครูจับได้ว่าแอบสูบ มีอาการง่วง ซึม มึน เมา หัวเราะ เคลิ้ม อารมณ์ดีกว่าปกติ กระตุกแบบสะดุ้ง
  5. เด็กชาย อายุ 16 ปี - ได้รับกัญชาจากน้ำผสมกัญชาที่เพื่อนนำมาให้ลองดื่ม รู้สึกง่วง มึน ซึม และหลับไม่รู้ตัว อาเจียนรุนแรง
  6. ผู้หญิง อายุ 48 ปี – ได้รับกัญชาจากการกินก๋วยจั๊บ เกิดอาการตาลายเหมือนกับเมาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปวดหัวทั้ง 2 ข้าง

ซึ่งนี่เป็นผู้ป่วยส่วนหนึ่งเท่านั้น มีทั้งที่ตั้งใจใช้กัญชาและไม่ตั้งใจใช้กัญชา โดยในกลุ่มเด็กและเยาวชนมีความน่าเป็นห่วงต่อประชากรกลุ่มนี้เป็นอย่างยิ่ง หากมีการใช้กัญชาเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อผ่อนคลายแต่อาจกลับทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้สารเสพติดก็ได้ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ได้ออกมาเตือนว่าไม่ควรใช้กัญชาในกลุ่มเด็ก เนื่องจากกัญชาส่งผลกระทบที่รุนแรง โดยเฉพาะผลกระทบต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น พัฒนาการล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาลดลง และส่งผลกระทบต่อด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท ภาวะฆ่าตัวตาย เสี่ยงต่อการเกิดสารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย2 

ส่วนประเด็นการใส่กัญชาในอาหารของร้านอาหารต่างๆ หากจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ก็พบว่ามีลูกค้าที่รับประทานอาหารเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้ บางรายเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง และเมื่อตรวจสอบร้านขายอาหารก็พบว่าไม่ได้มีการบอกลูกค้าก่อนว่ามีการใส่กัญชาลงไปในอาหาร ทำให้ในภายหลังภาคประชาสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างมีมาตรการในการห้าม หรือแจ้งให้ผู้อื่นทราบ เช่น การแปะป้ายให้ทราบ หรือการออกประกาศกรุงเทพมหานคร ประกาศ ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่ได้คุมเข้มให้โรงเรียนสังกัด กทม. เป็นพื้นที่ปลอดกัญชา กัญชง โดยงดจำหน่าย อาหาร ขนม เครื่องดื่มที่มีส่วนผสม ห้ามโฆษณา อีกทั้งประสานชุมชน ร้านค้ารอบโรงเรียนเฝ้าระวังไม่ให้จำหน่ายอาหาร ขนม เครื่องดื่มมีส่วนผสมของกัญชา กัญชง3 

ต่อจากนี้ไป ประชาชนคงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชา กัญชง ที่เพิ่งมีการปลดล็อคออกจากยาเสพติดให้โทษ ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร หากจะใช้จะได้คุ้มเสียหรือไม่ เรายังคงต้องติดตามสถานการณ์นี้ต่อไป


อ้างอิง

  1.  กัญชากับเด็ก : "ถ้ากัญชาจะเสรีขนาดนี้ อนาคตของประเทศชาติก็คงแย่". 5 กรกฎาคม 2565. BBC News. จาก https://www.bbc.com/thai/62046302
  2.  กัญชา” กับผลกระทบต่อสมองเด็กและวัยรุ่น. ม.ป.ป. ศิครินทร์. จาก https://www.sikarin.com/recommended-articles/กัญชา-กับผลกระทบทางสมอ
  3.  ชัชชาติ ออกประกาศคุมเข้ม ให้โรงเรียนสังกัด กทม. เป็นพื้นที่ปลอด กัญชา – กัญชง. 16 มิถุนายน 2565. Springnews. จาก https://www.springnews.co.th/news/825962

 


รายงานสุขภาพคนไทย

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
เลขที่ 999 ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 ต่อ 531, 532, 630 โทรสาร 02-441- 9333